ปวดประจำเดือนคืออาการปวดบริเวณท้องน้อยหรืออุ้งเชิงกรานในช่วงระหว่ามีประจำเดือนหรืออาจมีอาการปวดท้องก่อนประจำเดือนมา 1-2 วัน บางรายอาจมีอาการปวดหลัง คลื่นไส้ หรือถ่ายเหลวร่วมด้วยโดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นสม่ำเสมอตามรอบของประจำเดือน พบว่าผู้หญิงที่อยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ มีอาการปวดท้องประจำเดือนโดยมีอาการปวดมากน้อยแตกต่างกันไปและเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุโดยทั่วไปจะแบ่งประเภทของการปวดท้องประจำเดือนเป็น 2 กลุ่ม คือ
การปวดท้องประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ
การประจำเดือนที่ไม่พบพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน โดยอาการปวดเกิดจากโพรสตาแกลนดิน ที่หลั่งออกมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกในช่วงที่มีประจำเดือน โดยสารตัวนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดในมดลูกหดรัดตัวทำให้เกิดอาการปวดท้องขึ้น การปวดประจำเดือนโดยสารชนิดปฐมภูมินี้มักพบในวัยรุ่นและเมื่ออายุมากขึ้นอาการปวดจะดีขึ้น ในบางรายหายไปเลยหลังมีบุตรและอาการปวดมักจะเป็นแค่ช่วงวันแรกๆที่มีประจำเดือน
การปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ
การปวดประจำเดือนที่ตรวจพบพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ช็อคโกแลตซีสต์ที่รังไข่ เนื้องอกมดลูก เป็นต้น การปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมินี้มักเกิดในกลุ่มอายุ 25-30 ปีขึ้นไป โดยอาการปวดมักจะปวดทุกวันที่มีเลือดประจำเดือน มีประจำเดือนมามาขึ้น มีภาวะมีบุตรยาก มีอาการเจ็บลึกในอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยได้
อาการปวดประจำเดือนแบบไหนที่ถือว่าผิดปกติ
อาการปวดท้องประจำเดือนที่มีความรุนแรงมากขึ้น ดูแลตัวเองด้วยอาการเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีความผิดปกติที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และให้การรักษาต่อไป
วิธีดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อปวดท้องประจำเดือน
การบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนในเบื้องต้น มีทั้ง แบบไม่ต้องใช้ยา ได้แก่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ประคบน้ำอุ่นบริเวณท้องน้อยและหลังล่าง การนวด ฝังเข็ม แบบใช้ยาโดย รับประทานยาพาราเซตามอล หรือ ยากลุ่ม พอนสแตน ไอบูโพรเฟน ทั้งนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการแพ้ยาและผลข้างเคียงจากยาด้วย
การรักษาอาการปวดท้องประจำเดือน
สูตินรีแพทย์จะทำการหาสาเหตุและวินิจฉัยโรคจากการสอบถามประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน ตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ หรือบางรายอาจจะพิจารณาทำการส่องกล้องเข้าไปตรวจภายในช่องท้องเพื่อวางแผนการรักษาด้วยยา ฮอร์โมน หรือการผ่าตัด ตามความเหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
วิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เนื่องจากการออกกำลังกายทำให้มีฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน หลั่งออกมามากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและทำให้อารมณ์ดี
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ลดความเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โกโก้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีเกลือแร่และวิตามิน เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช
- เลือกรับประทานอาหารประเภทปลามากกว่าสัตว์เนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู